เทศกาลชมดอกชิบะซากุระ @สวนฮิตสึจิยามะ ไป-กลับ จากโตเกียว ด้วย SEIBU Pass

ในฤดูใบไม้ผลิของประเทศญี่ปุ่น ช่วงกลางเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม ของทุกปี เป็นฤดูกาลที่เหมาะสำหรับการชม “ดอกชิบะซากุระ” (Shibazakura) โดยหนึ่งในสถานที่ขึ้นชื่อสำหรับชื่นชมดอกไม้ชนิดนี้ อยู่ในเมืองชิชิบุ จ.ไซตามะ ซึ่งสามารถเดินทางไปเช้า-เย็นกลับจากโตเกียว เพื่อเที่ยวชมงาน “เทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ณ สวนฮิตสึจิยามะ” (Chichibu Shibazakura Festival) พร้อมกับ “ตลาดนัดฤดูใบไม้ผลิ” ที่จัดขึ้นเพียงปีละหนึ่งครั้ง ในช่วงวันที่แตกต่างกัน สำหรับปี ค.ศ. 2024 ได้จัดงานไปเมื่อวันที่ 12 เมษายน – 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา

ดอกชิบะซากุระ (Shibazakura/Pink Moss) คืออะไร ?

หลังจากดอกซากุระร่วงโรยก็ถึงช่วงเวลาเบ่งบานของ “ดอกชิบะซากุระ” ดอกไม้ขนาดเล็กที่ขึ้นอยู่ตามพื้นดิน มีความสูงประมาณ 13 ซม. และมีเส้นผ่านศูนย์กลางของดอกประมาณ 1.5 ซม. มีหลายสีทั้งสีขาว สีชมพูอ่อน สีชมพูเข้ม สีชมพูแดงและสีม่วงอ่อน โดยชื่อชิบะซากุระในภาษาญี่ปุ่น มาจากคำว่า ชิบะ(Shiba : 芝) ที่แปลว่า พื้นดิน และซากุระ(Sakura : 桜) ซึ่งคาดว่ามาจากลักษณะของกลีบดอก ที่มีความละม้ายคล้ายคลึงกับดอกซากุระนั่นเอง นอกจากนี้ยังมีชื่อเรียกที่นิยมเรียกกันอีกชื่อว่า “ดอกพิงค์มอส” (Pink Moss) แต่สำหรับชื่อทางวิทยาศาสตร์นั้น มีชื่อที่แตกต่างไปอีกว่า “Phlox subulata L.” ซึ่งเป็นพืชในวงศ์ Polemoniaceae ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในสหรัฐอเมริกา

เทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ณ สวนฮิตสึจิยามะ (Chichibu Shibazakura Festival)

เทศกาลที่เป็นดั่งสัญลักษณ์ของฤดูใบไม้ผลิ จัดขึ้นช่วงกลางเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคมของทุกปี บริเวณเนินเขาพิงค์มอส (Shibazakura no Oka/Pink Moss Hill) ของสวนฮิตสึจิยามะ (Hitsujiyama Park/羊山公園) สวนสาธารณะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาคคันโต ซึ่งตั้งอยู่บริเวณเนินเขา Bukō (1,304 ม.) แห่งเมืองชิชิบุ จังหวัดไซตามะ ทางด้านทิศเหนือของมหานครโตเกียว โดยสามารถเที่ยวชมทุ่งดอกชิบะซากุระหลากสีทั้ง 10 สายพันธุ์ จำนวนรวมมากกว่า 400,000 ต้น บนพื้นที่ 17,600 ตารางเมตร ไปพร้อมกับการเช็คอิน “ตลาดนัดฤดูใบไม้ผลิ” (ちちぶ マリシェ) ที่จำหน่ายผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากผู้ผลิตในพื้นที่ ให้ได้ช็อป ชิม ชิล อาหารพื้นเมือง และของฝากประจำเมืองชิชิบุ ซึ่งจัดขึ้นปีละ 1 ครั้ง ในช่วงงานเทศกาลเท่านั้น

อย่างไรก็ตามไม่มีวันที่ที่แน่นอนในการจัดงานเทศกาล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและสถานะการออกดอกของดอกชิบะซากุระ แต่จะมีการประกาศล่วงหน้า ผ่านหน้าเว็ปไซต์ของสมาคมการท่องเที่ยวชิชิบุ หรือเว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของสวนฮึตจิยามะ (Shibazakura no Oka “Chichibu Tourism Navi”) โดย ช่วงเวลาที่แนะนำสำหรับการเข้าชมคือสัปดาห์สุดท้ายของเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งตรงกับช่วง Golden Week ของประเทศญี่ปุ่น

วิธีการเดินทางไปยัง “เนินพิงค์มอส” ภายในสวนฮิตสึจิยามะ (Shibazakura no Oka-Hitsujiyama Park)

เดินทางด้วยรถไฟ

เริ่มต้นเดินทางจากโตเกียวที่ “สถานี Ikebukuro” เพื่อมาลงสถานีรถไฟที่ใกล้สวนฮิตสึจิยามะที่สุด ซึ่งมี 3 สถานี ได้แก่ 1. สถานี Seibu-Chichibu, 2. สถานี Yokoze, 3. สถานี Ohanabatake

  1. วิธีที่รวดเร็ว: จากสถานี Ikebukuro (SI01) ในโตเกียว ให้นั่งรถไฟ Limited Express “Chichibu-go” and “Musashi-go” ซึ่งวิ่งตรงมาลงที่สถานี Yokoze (SI35) และสถานี Seibu-Chichibu (SI36) ได้เลย โดยใช้เวลา 78-82 นาที ตามลำดับ
  2. วิธีที่ประหยัด: จากสถานี Ikebukuro (SI01) ในโตเกียว ให้นั่งรถไฟสาย Seibu Ikebukuro มาลงที่สถานี Hanno (SI26) จากนั้นให้เปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Seibu-Chichibu เพื่อไปลงที่สถานี Yokoze (SI35) หรือสถานี Seibu-Chichibu (SI36) โดยใช้เวลา 1 ชม. 54 นาที – 1 ชม. 59 นาที ตามลำดับ

เมื่อมาถึงสถานีรถไฟปลายทางแล้ว จะต้องอาศัยการเดิน หรือใช้บริการ Taxi เพื่อไปที่สวนเท่านั้น โดยมีระยะทาง ดังนี้

  1. เดิน ~1.7 กม. จากสถานี Seibu-Chichibu บนสาย Seibu-Chichibu แล้วเข้าทางด้านหน้าของสวน
  2. เดิน ~1.6 กม. จากสถานี Yokoze บนสาย Seibu-Chichibu แล้วเข้าทางด้านหลังของสวน
  3. เดิน ~1.9 กม. จากสถานี Ohanabatake (สถานี Shibazakura) บนสาย Chichibu แล้วเข้าทางด้านหน้าของสวน

*หากต้องการไปที่สถานี Ohanabatake บนสาย Chichibu ต้องเดินจากสถานี Seibu-Chichibu ไปอีก 400 ม.

เดินทางด้วยรถยนต์

**กรอกที่อยู่ในระบบนำทางรถยนต์เป็น “6360 Omiya, Chichibu City” (35.9838804, 139.08832289999998)

  1. ขับรถ ~25 กม. จาก Hanazono IC บนทางด่วน Kanetsu ด้วยทางหลวงหมายเลข 140 ทางเลี่ยงเมือง Minano Yorii
  2. ขับรถ ~39 กม. จาก Sayama-Hidaka IC บนทางด่วน Ken-O ด้วยทางหลวงหมายเลข 299

***โปรดเผื่อเวลาสำหรับการหาที่จอดรถ ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในช่วงงานเทศกาล

ไฮไลท์สีเหลืองคือสถานีที่เกี่ยวข้องในการเดินทางครั้งนี้

บัตรโดยสารรถไฟที่แนะนำในทริปนี้ : SEIBU Pass

SEIBU Pass มีกี่ประเภท-ใช้ทำอะไรได้บ้าง ?

SEIBU Pass มีทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้

  1. SEIBU 1 Day Pass : สามารถขึ้นรถไฟทุกสายของ Seibu lines รวมไปถึงสาย Tamagawa ได้ไม่จำกัดใน 1 วัน
  2. SEIBU 1 Day Pass + Nagatoro : สามารถขึ้นรถไฟทุกสายของ Seibu lines, สาย Tamagawa, และสาย Chichibu ซึ่งไปสุดสายที่ Nagatoro ได้ไม่จำกัดใน 1 วัน
  3. SEIBU 2 Day Pass : สามารถขึ้นรถไฟทุกสายของ Seibu lines รวมไปถึงสาย Tamagawa ได้ไม่จำกัดใน 2 วัน
  4. SEIBU 2 Day Pass + Nagatoro : สามารถขึ้นรถไฟทุกสายของ Seibu lines, สาย Tamagawa, และสาย Chichibu ซึ่งไปสุดสายที่ Nagatoro ได้ไม่จำกัดใน 2 วัน

*มีค่าบริการเพิ่มเติมสำหรับการโดยสาร Limited Express

**บัตรทุกประเภทสามารถใช้เดินทางในทริปนี้ได้ทั้งหมด

SEIBU Pass ราคาเท่าไหร่ ?
  1. SEIBU 1 Day Pass : ผู้ใหญ่ 1,000 เยน, เด็ก 500 เยน
  2. SEIBU 1 Day Pass + Nagatoro : ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, เด็ก 750 เยน
  3. SEIBU 2 Day Pass : ผู้ใหญ่ 2,000 เยน, เด็ก 1,000 เยน
  4. SEIBU 2 Day Pass + Nagatoro : ผู้ใหญ่ 3,000 เยน, เด็ก 1,500 เยน
สถานที่จำหน่าย-แลกใช้ SEIBU Pass ?
  • Limited Express Ticket Office ชั้น 1 ในสถานี Ikebukuro
  • Limited Express Ticket Office ชั้นใต้ดินในสถานี Ikebukuro
  • Limited Express Ticket Office ในสถานี Seibu-Shinjuku
  • SEIBU Tourist Information Center ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวทางประตูทิศตะวันออก ของสถานี Ikebukuro
  • ช่องทางออนไลน์สามารถซื้อล่วงหน้าได้ 60 วัน ตั้งแต่อยู่ในประเทศไทย ผ่านเอเจนซี่ต่างๆ (Klook/KKday/H.I.S./Traveloka/Trip.com) และนำไปแลกใช้ ณ จุดบริการด้านบน โดยแสดง QR Code ที่ได้มาพร้อมโชว์พาสปอร์ตเพื่อรับ SEIBU Pass ตัวจริง

***ช่องทางออนไลน์จำหน่ายเฉพาะ SEIBU 1 Day Pass/SEIBU 1 Day Pass + Nagatoro เท่านั้น ไม่มีจำหน่าย 2 Day Pass

วิธีใช้ SEIBU Pass ?

เนื่องจากบัตรทำจากวัสดุคล้ายไม้อัด ทำให้ไม่สามารถสอดเข้าเครื่องในสถานีรถไฟได้ ให้ใช้วิธีโชว์ให้เจ้าหน้าที่ซึ่งอยู่ในห้องกระจกบริเวณทางเข้า-ออกของสถานีดู แล้วเดินผ่านห้องกระจกออกมาอีกด้านนึงแทน

****SEIBU Pass และ SEIBU Kawagoe Pass เป็นบัตรคนละใบกัน

ค่าเข้าชม-ค่าบริการจอดรถ

ค่าเข้าชม

แม้ว่าจะไม่มีค่าเข้าสำหรับสวนฮิตสึจิยามะซึ่งเป็นเสมือนสวนสาธารณะประจำเมือง แต่สำหรับการเข้าชมเนินพิงค์มอสที่ตั้งอยู่ภายในสวน จะมีการเก็บค่าเข้าชมในช่วงของงานเทศกาล โดยจะเก็บเฉพาะช่วงวันที่ดอกไม้เบ่งบานสวยที่สุดเท่านั้น

  • ผู้ใหญ่(อายุ 15 ปี ขึ้นไป) : คนละ 300 เยน
  • เข้าชมเป็นหมู่คณะ (20 คน ขึ้นไป) : คนละ 250 เยน
  • นักเรียนมัธยมต้นหรือเด็กกว่า : ฟรี
  • ผู้ทุพพลภาพที่มีใบรับรอง และผู้ดูแลสูงสุด 1 คน : ฟรี

*การประกาศวันที่ซึ่งได้รับการงดเว้นเก็บค่าเข้าชม จะประกาศผ่านหน้าเว็บไซต์ ในช่วงเวลานั้นๆ ตามสถานะการออกดอก

ค่าบริการจอดรถ
  • รถยนต์ : 500 เยน
  • รถจักรยานยนต์ : 200 เยน
  • รถบัสขนาดใหญ่ : 3,000 เยน
  • ไมโครบัส (ขนาดกลางและขนาดเล็ก) : 2,000 เยน

*แม้ว่าจะมีการงดเว้นเก็บค่าเข้าชมในวันที่สถานะการออกดอกต่ำ แต่จะไม่มีการงดเว้นค่าบริการจอดรถในวันดังกล่าว

**การจอดรถบัส ต้องจองล่วงหน้าเท่านั้น หากไม่ทําการจอง ราคาจะแตกต่างกัน (รถบัสขนาดใหญ่ : 4,000 เยน และไมโครบัส : 3,000 เยน) โดยจะเปิดให้จองล่วงหน้าประมาณปลายเดือนมีนาคม เว็บไซต์สำหรับจองที่จอดรถบัสของสวนฮิตสึจิยามะ : https://www.knt.co.jp/ec/2024/chichibu_sakura/

ออกเดินทางไปเทศกาลชมดอกชิบะซากุระ ณ สวนฮิตสึจิยามะ กัน!

จุดเริ่มต้นของการเดินทางในวันฝนตก กับอุณหภูมิ 19 องศาเซลเซียส ณ ประตูทิศตะวันออกของสถานี Ikebukuro ที่มีป้าย SEIBU ตัวใหญ่บึ้มให้มองเห็นได้โดยง่าย เนื่องจากเราได้ทำการซื้อ SEIBU 1 Day Pass ล่วงหน้ามาแล้ว จึงใช้เพียงแค่ QR Code ในโทรศัพท์พร้อมกับพาสปอร์ตเพื่อแลกบัตรตัวจริง ที่ SEIBU Tourist Information Center ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากทางเข้าสถานีมากนัก โดยเมื่อเข้าสถานีมาแล้ว ให้เลี้ยวซ้ายและเดินต่อไปเรื่อยๆ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวจะอยู่ทางซ้ายมือ เปิดบริการตั้งแต่ 8.00 น.-15.00 น. (ที่ศูนย์บริการมีโบรชัวร์ Ver. ภาษาไทยสำหรับท่องเที่ยวเมือง Chichibu ไว้บริการ)

ประตูทิศตะวันออกของสถานี Ikebukuro
โฉมหน้าของบัตร SEIBU 1 Day Pass

วิธีการเดินทางที่เราเลือกในครั้งนี้ คือ วิธีการเดินทางที่ประหยัดที่สุด ด้วย SEIBU 1 Day Pass ที่มีราคาใบละ 1,000 เยน ซึ่งทำให้เราสามารถเซฟค่ารถไฟไปได้ 600 เยน (ปกติค่ารถไฟไป-กลับจะอยู่ที่ 1,600 เยน) และจะยิ่งคุ้มค่ามากขึ้นไปอีกถ้าใครแวะเที่ยวจุดอื่นๆ ในเส้นทางสาย Seibu โดยจากสถานี Ikebukuro (SI01) เราได้นั่งรถไฟสาย Seibu Ikebukuro มาลงที่สถานี Hanno (SI26) และเปลี่ยนไปนั่งรถไฟสาย Seibu-Chichibu เพื่อลงที่สถานี Seibu-Chichibu (SI36) โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ดังนั้นเราขอแนะนำให้ทุกคนเข้าห้องน้ำกันให้เรียบร้อยก่อนเลย ไม่งั้นคุณจะต้องอดทนไปเข้าที่สถานีปลายทาง เพราะช่วงเปลี่ยนขบวนรถไฟมีเวลาน้อยมากๆ ถ้าจะรอขบวนต่อไปก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ซึ่งอาจทำให้แพลนการท่องเที่ยวที่วางไว้คลาดเคลื่อนได้

ป้ายข้อมูลการท่องเที่ยวภาษาไทยที่สถานี Seibu-Chichibu

ออกเดินจากสถานี Seibu-Chichibu โดยหันหลังให้อาคารสถานีแล้วเดินตรงไป จะเริ่มมีป้ายบอกทางเป็นระยะๆ และมีอาสาจราจรที่คอยโบกรถพร้อมบอกทางให้เราด้วย ไม่ต้องกลัวจะหลงแน่นอน ซึ่งสวนฮิตสึจิยามะตั้งอยู่บริเวณเนินเขา เส้นทางเดินไปจึงมีความลาดชันอยู่ในระดับหนึ่ง แต่ก็โอบล้อมไปด้วยบรรยากาศของธรรมชาติที่ทำให้รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่า โดยระหว่างทางเราจะเจอน้ำตก Bokusui เล็กๆ ท่ามกลางต้นเมเปิลให้ได้แวะชมกันด้วยนะ

เมื่อเดินตามป้ายบอกทางมาเรื่อยๆ เราจะเจอเนินดอกชิบะซากุระอยู่ที่ปลายทาง โดยก่อนที่จะถึงเล็กน้อยจะเป็นสถานีปฐมพยาบาล ห้องน้ำสาธารณะ และลานจอดรถ(มีพื้นจอดรถสำหรับผู้พิการ)ตามลำดับ ซึ่งด้านข้างของลานจอดรถก็คือบูธจำหน่ายบัตรเข้าชมเนินชิบะซากุระนั้นเอง

บัตรเข้าชมเนินพิงค์มอส ราคา 300 เยน สำหรับผู้ใหญ่
และเราก็มาถึงเนินดอกชิบะซากุระกันแล้ว (Shibazakura no Oka/Pink Moss Hill) กันแล้ว!!!

เนินแห่งนี้มีลักษณะเป็นแอ่งกระทะ กล่าวคือใจกลางของทุ่งดอกไม้เป็นบริเวณที่อยู่ระดับต่ำที่สุด โอบล้อมด้วยพื้นที่ลาดชัน 3 โซน คือ พื้นที่ลาดชันตะวันตกเฉียงเหนือ ซึ่งอยู่ทางด้านซ้ายของสวน, พื้นที่ลาดชันตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งอยู่ทางด้านขวา, และพื้นที่ลาดชันตะวันออก ซึ่งอยู่ด้านในสุดติดกับเชิงป่าที่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ทิวทัศน์ด้านหลังที่งดงามของสวนแห่งนี้คือภูเขาสูงตระหง่านที่มีชื่อว่า Bukō อันเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชิชิบุ โดยที่นี่มีดอกชิบะซากุระรวม 10 สายพันธุ์ ซึ่งมีสีและลวดลายแตกต่างกัน ทั้งสีชมพู สีขาว และสีม่วง โดยเฉดสีชมพูเป็นสีที่มีมากที่สุด สวนแห่งนี้ถูกออกแบบการจัดวางของดอกชิบะซากุระหลากสีออกมาอย่างปราณีต และถูกกำหนดสีที่แน่นอนในแต่ละบริเวณที่ปลูก เพื่อสร้างลวดลายการเย็บปะติดปะต่อของดอกไม้ที่งดงามในวัน Full Bloom และนอกไปจากดอกชิบะซากุระแล้ว ที่แห่งนี้ก็ยังมีโซนสวนกุหลาบคริสมาสต์ และโซนดอกทิวลิปให้ได้ชมกันอีกด้วย

สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ เราเดินทางไปในวันที่ 1 พฤษภาคม สถานะการออกดอกถือว่าผ่านพ้นช่วง Full Bloom มาแล้ว บวกกับสภาพอากาศที่มีฝนตกตลอดทั้งวัน จนทำให้ได้เดินชมทุ่งดอกไม้พร้อมกับการกางร่มคันเก่งท่ามกลางสายหมอกและสายฝนที่โปรยปราย เราได้ชื่นชมธรรมชาติที่ผ่านการชะล้างจากหยาดน้ำฝน จนเผยให้เห็นสีสันอันงดงามของกลีบดอกไม้สีสด ใบไม้สีเขียว และผิวดินสีน้ำตาลที่เปียกชื้น ภายใต้ความสดชื่นจากอากาศเย็นๆ ประกอบกับสายหมอกที่ล่องลอยอย่างหนาแน่นจนบดบังภูเขาใหญ่ ซึ่งให้อารมณ์ที่แตกต่างจากวันไหนๆ ทำให้เนินดอกชิบะซากุระกลายเป็นภาพจำอันมีเสน่ห์เฉพาะตัว และมีมนตร์ขลังอย่างไม่น่าเชื่อ

ตลาดนัดฤดูใบไม้ผลิ (ちちぶ マリシェ)

ตรงข้ามกับบูธจำหน่ายบัตรเข้าชมเนินดอกชิบะซากุระ เป็นบริเวณที่เราจะพบกับตลาดนัดของขึ้นชื่อของเมืองชิชิบุ ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นจากผู้ผลิตในพื้นที่ซึ่งถูกรวบรวมมาไว้ในที่เดียวกัน เป็นลานกว้างที่มีร้านค้าล้อมรอบเป็นวงกลม โดยมีโต๊ะสำหรับนั่งทานอาหารและพักผ่อนอยู่ตรงกลาง *สำหรับวันที่ฝนตกแบบนี้ ทำให้ร้านค้าเปิดไม่ครบทุกร้าน

ของขึ้นชื่อของเมืองชิชิบุ
  • Misopotato มันฝรั่งบดย่างราดด้วยซอสมิโซะ (ของโปรดของ Potekuma-kun มาสคอตประจำเมืองชิชิบุ)
  • น้ำแดงจากดอกซากุระ (ไม่มีแอลกอฮอล์) ผลิตและจำหน่ายเฉพาะช่วงงานเทศกาลเท่านั้น
  • Soft Cream จากดอกซากุระ
  • สตรอว์เบอร์รีสด-ไอศกรีมจากสตรอว์เบอร์รีหลากสีหลายสายพันธุ์ จากฟาร์มใกล้เคียง
  • น้ำผึ้งจากผึ้งที่กินเกสรดอกซากุระ
  • เบียร์และสาเกท้องถิ่น

Matsuri No Yu

ร้านที่รวบรวมศูนย์อาหาร ร้านขายของฝาก และออนเซ็นเอาไว้ในที่เดียวกัน ตั้งอยู่ด้านหน้าทางเข้าสถานี Seibu-Chichibu สถานีที่เราขึ้นรถไฟไปและกลับในทริปนี้ โดยเป็นสถาปัตยกรรมทรงดั้งเดิมที่ได้รับการตกแต่งด้วยแรงบันดาลใจจากเทศกาลชิชิบุ โยมัตสึริ เทศกาลประจำเมืองชิชิบุ ซึ่งเริ่มเปิดให้เข้าใช้งานตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน ค.ศ. 2017 โดยภายในตึกถูกแบ่งออกเป็น 3 โซน ได้แก่

  1. Matsuri No Yu = โซนออนเซ็น ที่ให้บริการทั้งแบบในร่มและกลางแจ้ง ซึ่งสามารถชมวิวสวนหรือภูเขา Bukō ได้ในวันที่สภาพอากาศดี โดยแบ่งออกเป็นบ่อสำหรับผู้ชาย 5 แห่ง และบ่อสำหรับผู้หญิง 6 แห่ง จากออนเซ็นที่ใช้น้ำธรรมชาติซึ่งสูบขึ้นจากระดับความลึกกว่า 2,000 เมตร และยังมีบ่อที่ผสมด้วยโซเดียมคลอไรด์ ซึ่งกล่าวกันว่ามีคุณสมบัติในด้านการรักษา ไปจนถึงบริการสปาหินร้อน และซาวน่า ภายในเลานจ์ระดับพรีเมียม พร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่กว้างขวาง รับประกันประสบการณ์ที่เพลิดเพลินใจสําหรับทั้งนักท่องเที่ยวและคนในท้องถิ่น
  2. Matsurino Utage = โซนศูนย์อาหาร ด้วยพื้นที่สำหรับ 250 คน ที่ตกแต่งเหมือนแผงขายอาหารในงานเทศกาล ให้บริการอาหารและขนมท้องถิ่นชื่อดังประจำเมือง โดยเมนูแนะนำก็คือ ข้าวหน้าหมูย่างมิโสะ(บูตะมิโสะด้ง), วาราจิ คัตสึด้ง ข้าวหน้าหมูทอดแผ่นใหญ่เท่ารองเท้าฟาง, ดับเบิ้ลด้ง ข้าวหน้าที่มีทั้งหมูย่างมิโสะและหมูทอดแผ่นใหญ่ในชามเดียว, ชิชิบุมิโสะราเมง, ไทยากิ, ไอศครีม Soft Serve, Misopotato, และน้ำแข็งไส
  3. Chichibumiyage Ichiba = โซนขายของที่ระลึก แหล่งรวมของฝากจากทั่วชิชิบุ ซึ่งหาจากที่ไหนไม่ได้และไม่ซ้ำกับที่โตเกียวแน่นอน โดยของขึ้นชื่อที่ใครมาแวะก็ต้องซื้อที่เราจะแนะนำก็คือ โมจิสดไส้ถั่วแดง แป้งเหนียวนุ่ม หวานกำลังดี อร่อยแบบที่ซื้อกลับมาน้อยเกินไปจนน่าเสียดาย, ผักดองรสกลมกล่อมขวัญใจกรุ๊ปทัวร์จากผักหลายชนิด, สตรอว์เบอร์รีสดและผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสตรอว์เบอร์รีต่างๆ, คัสตาร์ดจากผลไม้หลากรส หอมละมุน อบอวลไปทั่วทั้งปาก, และแน่นอนว่าที่ขาดไม่ได้ก็คือ เบียร์ สาเก และไวน์ท้องถิ่นของเมืองชิชิบุ
เวลาเปิดทำการ
  • วันจันทร์-วันพฤหัสบดี และวันอาทิตย์/วันหยุดราชการ = 10:00 น. – 23:00 น.(เข้าได้ถึง 22:30 น.)
  • วันศุกร์-วันเสาร์/วันก่อนวันหยุดราชการ/วันหยุดพิเศษ = 10:00 น. – 24:00 น.(เข้าได้ถึง 23:30 น.)

พิเศษ! เปิดบริการเพิ่มเติมในรอบเช้าวันเสาร์-วันอาทิตย์/วันหยุดราชการ/วันหยุดพิเศษ ตั้งแต่ 6:00 น. – 9:00 น.(เข้าได้ถึง 8:30 น.)

ค่าบริการออนเซ็น
  • ผู้ใหญ่ 980 เยน(วันธรรมดา)/ 1,080 เยน(วันเสาร์-วันอาทิตย์/วันหยุดพิเศษ)
  • เด็ก 680 เยน(วันธรรมดา)/ 710 เยน(วันเสาร์-วันอาทิตย์/วันหยุดพิเศษ)
ค่าบริการตัวเลือกอื่นๆ
  • ชุดผ้าเช็ดหน้าและผ้าเช็ดตัว
    • ผู้ใหญ่ 1,200 เยน(วันธรรมดา)/ 1,300 เยน(วันเสาร์-วันอาทิตย์/วันหยุดพิเศษ)
    • เด็ก 820 เยน(วันธรรมดา)/ 930 เยน(วันเสาร์-วันอาทิตย์/วันหยุดพิเศษ)
  • ชุดญี่ปุ่นสำหรับใส่ในอาคาร
    • ผู้ใหญ่ 1,330 เยน(วันธรรมดา)/ 1,430 เยน(วันเสาร์-วันอาทิตย์/วันหยุดพิเศษ)
ค่าบริการสำหรับพักค้างคืนภายใน Matsuri No Yu

ให้บริการตั้งแต่20:00 น. – 9:00 น. ในราคาเพียง 3,460 เยน

** วันหยุดราชการและวันหยุดพิเศษ สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่เว็บไซต์ของ Matsuri no Yu (ภาษาญี่ปุ่น)

หลังจากแวะชม แวะชิม แวะชิล กันมาตลอดทั้งวัน ก็ได้เวลาเดินทางกลับกันแล้ว หวังว่าการเดินทางของเราในครั้งนี้ จะได้เป็นหนึ่งในตัวเลือกของใครหลายคน ที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวใกล้โตเกียว ที่จะช่วยเติมเต็มความรู้สึกด้วยธรรมชาติ วิถีชีวิต และบรรยากาศอันเป็นเอกลักษณ์ของเมืองชิชิบุ ซึ่งเราก็ยังหวังว่าจะได้กลับมาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้อีกครั้งในสักวัน ในเมืองชิชิบุ เมืองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับ 4 ฤดูกาลที่แตกต่างกัน

:’)


ข้อมูลเพิ่มเติมของสวนฮิตสึจิยามะ (Hitsujiyama Park)

  • ที่ตั้ง : 6360 Omiya, Chichibu-shi, Saitama-ken 368-0023, Japan
  • ระยะเวลาการจัดงาน : ช่วงกลางเดือนเมษายน-ต้นเดือนพฤษภาคม (วันที่ที่แน่นอน เช็คหน้าเว็บไซต์)
  • เวลาทำการ : 8.00 น.-17.00 น. (สวนสาธารณะเปิด 24 ชม. แต่จุดชมดอกไม้เปิดให้ชมตามเวลาในช่วงงานเทศกาล)
  • เบอร์โทรศัพท์ : 0494-25-5209 (City of Chichibu Tourism Division)
  • เว็ปไซต์ของสมาคมการท่องเที่ยวชิชิบุ : http://www.chichibuji.gr.jp
  • เว็ปไซต์อย่างเป็นทางการของสวนฮึตจิยามะ : https://navi.city.chichibu.lg.jp
  • เว็บไซต์จองที่จอดรถบัสของสวนฮิตสึจิยามะ : https://www.knt.co.jp/ec/2024/chichibu_sakura/
  • เว็บไซต์ของ Matsuri No Yu : https://www.seibu-leisure.co.jp/matsuri/
  • **มีรถเข็นสำหรับเช่า และเปลสำหรับเปลี่ยนผ้าอ้อม ที่สถานีปฐมพยาบาล

เรื่องและภาพ โดย : นลัท โรจน์วัฒนวงศ์